วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่๖ ที่พักแรม

บทที่๖ ที่พักแรม

ความเป็นมาของธุรกิจที่พักแรมในต่างประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา ที่พักแรมเกิดจากความต้องการของนักเดินทางที่ไม่มีที่พักอาศัย ไม่สามารถไป-กลับได้ ในเวลาหนึ่งวัน รูปแบบที่พักพัฒนาตามความเจริญของเศรษฐกิจ ระบบขนส่งคมนาคมยุคแรกของที่พักแรมนั้น ให้เพื่อบริการการพักผ่อนเท่านั้น ต่อมากลายเป็น Coaching Inn ที่พักตามเส้นทางถนนและได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษ
๓ ศตวรรษที่ ๑๘ รูปแบบที่พักได้เจริญเติบโตขึ้น บริเวณสถานีปลายทางและเมืองท่า มีการออกแบบให้เป็นโรงแรมรถไฟ (Railway Hotels) ช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงเมืองตากอากาศได้สะดวกมากขึ้น ที่พักแบบตากอากาศ หรือรีสอร์ท (Resort) จึงขยายตัวมากในยุโรปและอเมริกา

โรงแรม (Hotel) เป็นประเภทธุรกิจที่พักแรมในปัจจุบัน คำว่า Hotel มาจากภาษาฝรั่งเศส ดังนั้น แบบแผนการดำเนินงานการโรงแรมมาตรฐานสากลส่วนใหญ่ ล้วนมีต้นแบบจากประเทศในยุโรปและอเมริกากลุ่มโรงแรมที่สำคัญ ได้แก่ Intercontinental, Holiday Inn, Marriott, Sofitel, Hilton, Conrad, Sheraton, Hyatt, Le Meridien เป็นต้น

ความเป็นมาของธุรกิจที่พักแรมในประเทศไทย
สมัยอยุธยา : เพื่อบริการพ่อค้า ทูต ผู้เผยแพร่ศาสนา บริเวณวัดเสาธงทองตั้งอยู่ระหว่างพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี พระวิหารเดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุเหร่า ตามแผนที่ของฝรั่งเศสระบุว่า เป็นที่พักของชาวเปอร์เซียสมัยรัตนโกสินทร์ : เพื่อบริการนักเดินทางชาวตะวันตก อยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชาวตะวันตกเข้ามาจำนวนมาก ในปี พ.ศ. ๒๔๐๖ ถนนเจริญกรุงตอนใต้จึงเป็นย่านที่พักของชาวตะวันตกในกรุงเทพฯยุคแรก

กิจการโรงแรมที่สำคัญในอดีตของประเทศไทย
๑) โอเรียนเต็ลโฮเต็ล - สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยกลาสีเรือชาวต่างชาติ เป็ยเพียงอาคารไม้ชั้นเดียว ปัจจุบัน กลายเป็นโรงแรมมาตรฐานสากลชั้นนำแห่งหนึ่ง
๒) โฮเต็ลหัวหิน - หรือ โรงแรมรถไฟหัวหิน สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจัดให้บริการตามแบบโฮเต็ลในยุโรป ต่อมาให้เอกชนปรับปรุง และเช่าดำเนินกิจการ เป็นโรงแรมโซฟิเทลหัวหิน ปัจจุบัน กลายเป็นโรงแรมมาตรฐานสากลชั้นนำแห่งหนึ่ง
๓) โฮเต็ลวังพญาไท - สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยปรับปรุงจากพระราชวังพญาไท(เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้งดงาม ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญ ตั้งอยู่บริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
๔) โรงแรมรัตนโกสินทร์ - สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระอานันทมหิดล บนถนนราชดำเนินกลางใกล้สะพานผ่านพิภาพลีลา ใช้รับรองแขกเมืองสำคัญ และเป็นที่ชุมนุมของชาวสังคมยุคนั้น ต่อมาให้เอกชนเช่าดำเนินการเปลี่ยนชื่อเป็น โรงแรมรอยัล ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่กลุ่มโรงแรมภายในประเทศไทยที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มดุสิตธานี, เซ็นทรัล, อมารี, อิมพีเรียล

พระราชบัญญัติโรงแรม ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้ระบุว่า "โรงแรม" คือ สถานที่ที่พัก จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทางธุรกิจ ให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทาง โดยมีค่าตอบแทนและไม่คิดเป็นรายเดือน

ปัจจัยพื้นฐานในการบริการที่พักแรม
๑. ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ำพัก
๒. ความสะอาดและสุขอนามัยในสถานที่พัก
๓. ความสะดวกสบายจากบริการสิ่งอำนวยความสะดวก และตอบสนองความต้องการของผู้พัก
๔. ความเป็นส่วนตัว
๕. บรรยากาศตกแต่งสวยงาม
๖. ภาพลักษณ์ของกิจการ และอื่นๆ

ประเภทที่พักแรมแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑) โรงแรม เกณฑ์การจำแนกประเภทโรงแรม มีดังต่อไปนี้
- ด้านที่ตั้ง : เป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อความสำเร็จเชิงธุรกิจ
- ด้านขนาด : พิจารณาจากจำนวนห้องพักแรม
- ด้านจุดประสงค์ของผู้มาพัก : พิจารณาจากกลุ่มผู้พักส่วนใหญ่ว่มีจุดประสงค์ใด ซึ่งจะส่งต่อกิจกรรมบริการ
- ด้านราคา : พิจารณาจากอัตาห้องพัก โดยเปรียบเทียบระดับราคาเฉลี่ยของกิจการภายในเขตพื้นที่ หรือประเทศ
- ด้านระดับการบริการ : พิจารณาจากความครบครันในการบริการ
- ด้านการจัดระดับมาตรฐานโดยใช้สัญลักษณ์ : ระดับดาวในแต่บะโรงแรม (๑ - ๕ ดาว)
- ด้านความเป็นเจ้าของและรูปแบบการบริหาร : แบ่ง ๒ กลุ่ม คือ โรงแรมอิสระ และโรงแรมจัดการแบบกลุ่ม๒) ที่พักนักท่องเที่ยว
- บ้านพักเยาวชน : เป็นที่พักราคาประหยัด เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเดินทางท่องเที่ยว
- ที่พักพร้อมอาหารเช้าราคาประหยัด : โดยเจ้าของบ้านแบ่งห้องพักว่างให้เช่าและจัดอาหารเช้าไว้บริการ
- ที่พักริมทางหลวง : โมเต็ล (Motel) เป็นที่พักขนาดเล็กตั้งอยู่ริมทางหลวงสายหลัก
- ที่พักแบบจัดสรรเวลาพัก : คล้ายโรงแรม เป็นธุรกิจที่เติบโตและได้รับความนิยมในอเมริกา
- เกสต์เฮ้าส์ : เป็นที่พักขนาดเล็ก ราคาประหยัด มักตั้งอยู่ในชุมชน
- อาคารชุดบริการที่พักระยะยาว หรือ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ : เป็นที่พักบริการห้องชุดสำหรับผู้พักระยะยาวเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปี เน้นบริการคล้ายโรงแรม
- ที่พักกลางแจ้ง : เป็นที่พักแบบประหยัดที่สุดในประเทศตะวันตก จัดพื้นที่กลางแจ้งสำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมใกล้ชิดธรรมชาติ
- โฮมสเตย์ : เป็นที่พักพร้อมกิจกรรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะพักรวมกับเจ้าของบ้าน

แผนกงานในโรงแรมแบ่งเป็นแผนกงานสำคัญ ดังนี้
๑. แผนกงานส่วนหน้า เป็นศูนย์กลางการติดต่อระหว่างโรงแรมและแขกผู้พัก
๒. แผนกงานแม่บ้าน การจัดเตรียมห้องพักแขก ทำความสะอาดในพื้นที่ต่างๆ ซีกรีด จัดดอกไม้
๓. แผนกอาหารและเครื่องดื่ม รับผิดชอบเรื่องอาหารและการบริการอาหาร เครื่องดื่ม
๔. แผนกขายและการตลาด รับผิดชอบวางแผนตลาดเพื่อสร้างรายได้แก่ธุรกิจ
๕. แผนกบัญชีและการเงิน ดูแลจัดทำบัญชีและควบคุมการเงินของโรงแรม
๖. แผนกทรัพยากรมนุษย์ ในบางกิจการขนาดเล็ก จะเป็นแผนกบุคคล

ประเภทห้องพัก
- Single ห้องพักสำหรับนอนคนเดียว ในต่างประเทศ จะเป็นห้องพักเตียงเดี่ยว
- Twin ห้องพักเตียงคู่แฝด ประกอบเตียงเดี่ยว ๒ เตียง ตั้งเป็นคู่วางแยกกัน
- Double ห้องพักเตียงคู่ที่เป็นเตียงเดียวขนาดใหญ่ สำหรับนอนได้ ๒ คน บางครั้งให้บริการแก่ผู้พักที่มาคนเดียว เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- Suite ห้องชุดที่ภายในประกอบด้วยห้องตั้งแต่ ๒ ห้องขึ้นไปโดยกั้นเป็นสัดส่วนแบ่งเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น ในโรงแรมมาตรฐานชั้นดีตามแบบสากลมักมีห้องชุดที่ตกแต่งสวยงาม บริการในอัตราราคาสูง

บทที่๕ การคมนาคมขนส่ง

บทที่๕ การคมนาคมขนส่ง

การคมนาคม (Transportations) คือ กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้าย คน สัตว์ สิ่งของ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยอาศัยสื่อกลางต่างๆ ภายใต้ราคาที่ตกลงกันไว้

การคมนาคม ประกอบด้วย
๑) เส้นทาง (Way) แบ่งเป็น
- เส้นทางธรรมชาติ
- เส้นทางธรรมชาติปรับปรุง
- เส้นทางที่มนุษย์สร้างขึ้น

๒) สถานี (Terminal) คือ สถานที่ให้บริการแก่ยานพาหนะ ตามความต้องการเฉพาะด้าน

ประเภทของธุรกิจการคมนาคมขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว
๑. ธุรกิจการขนส่งทางบกเกิดจากการใช้แรงงานคนในการลากเกวียน ต่อมาเปลี่ยนเป็นใช้แรงงานสัตว์ แล้วจึงเกิดการประดิษฐ์รถม้าขึ้นในปี ค.ศ. ๑๔๘๐ ที่ประเทศอังกฤษ

ต่อมาในปี ค.ศ. ๑๙๒๐ ได้ประดิษฐ์รถยนต์ขึ้น จึงเกิดการทำเส้นทาง และยุคของเครื่องจักรไอน้ำ ในปี ค.ศ. ๑๘๒๕ เกิดการประดิษฐ์รถไฟขึ้น
ในประเทศไทย เริ่มมีรถลากเกวียนในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

รถไฟ : จะเป็นที่นิยมมาก ในยุโรป เช่น รถไฟ TGV ประเทศฝรั่งเศส , รถไฟ Eurostar รัฐบาลฝรั่งเศสและอังกฤษ , รถไฟ X2000 Metroliner ประเทสสวีเดน , เอเชีย เช่น รถไฟ Shinkansen ประเทศญี่ปุ่น

รถยนต์ส่วนบุคคล : นิยมมากเนื่องจาก ประหยัดถ้าโดยสารได้หลายคน สะดวก รวดเร็ว คล่องตัว

รถเช่า : ที่ประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกา นิยมเช่าเพื่อการเจรจาธุรกิจและท่องเที่ยว

รถตู้เพื่อนันทนาการ : นิยมมากในทวีปอเมริกาและยุโรป เพราะรถตู้ได้ถูกออกแบบคล้ายบ้าน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง

รถโดยสาร : เนื่องจากมีราคาที่ประหยัด ทำให้ผู้โดยสารนิยมใช้บริการ ยกเว้นในยุโรป

๒. ธุรกิจการขนส่งทางน้ำเกิดจากการใช้ท่อนไม้มาต่อเป็นแพ และต่อมาก็ได้นำต้นไม้ทั้งต้นมาขุด เป็นลำเรือโดยมีรูปร่างคล้ายตะกร้าลอยน้ำ หลังจากนั้น ได้มีการพัฒนา นำหนังสัตว์มาขึงโครงไม้ทำเป็นเรือ เรียกว่า เรือหนังสัตว์

ในปี ค.ศ. ๑๗๗๒ ประเทศอังกฤษ มีการขนส่งผู้โดยสารทางเรือขึ้น โดยมีห้องสำหรับดื่มกาแฟไว้บริการ หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. ๑๘๑๕ ได้มีบริการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญชื่อว่า เรือซีลอน วิ่งในเส้นทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเมืองท่า ในอิตาลี กรีซ อียิปต์ และอาฟริกาตะวันตกต่อมาในปี ค.ศ. ๑๙๐๐ ก็มีการต่อเรือสำราญที่สมบรูณ์แบบ ชื่อว่า Princesses Victoria Louis ซึ่งเป็นที่มาของเรือยอดซ์ เรือสำราญที่มีราคาแพงกระทั่งในปี ค.ศ. ๑๘๑๙ มีเรือที่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้เป็นครั้งแรก คือ เรือกลไฟ Savannah แล่นระหว่างเมือง Savannah รัฐจอเจีย กับเมือง Liverpool ประเทศอังกฤษในประเทศไทย การขนส่งทางน้ำเริ่มจากการใช้เรือทำการประมง และขนส่งสินค้าภายในประเทศ ต่อมาการค้าขยาย ก็ได้รับรูปแบบวิธีการต่อและเดินเรือมาจากประเทศจีน

เรือเดินทะเล : จะให้บริการเฉพาะเมืองท่าที่สำคัญ เช่น เรือควีนอลิซาเบธที่ ๒ ให้บริการระหว่างเมืองเซาท์แฮมตัน ประเทศอังกฤษ กับนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา

เรือสำราญ : คล้ายโรงแรมลอยน้ำ ให้ความสะดวกสบาย หรูหรา มีบริการห้องพัก ห้องประชุม

เรือข้ามฟาก : ใช้สำหรับเดินทางในระยะสั้นๆ

เรือใบและเรือยอร์ช : เป็นเรือขนา่ดเล็ก-กลาง เคลื่อนที่โดยลมปะทะกับใบเรือ หรือแล่นโดยเครื่อยนต์

เรือบรรทุกสินค้า : เป็นเรือที่ส่งสินค้าและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ไม่เร่งรีบ มีห้องพักเหมือนเรือสำราญ แต่ราคาถูกกว่า รับผู้โดยสารได้ประมาณ ๑๒ คน

๓. ธุรกิจการขนส่งทางอากาศเกิดขึ้นครั้งแรก ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในปี ค.ศ. ๑๙๐๓ พี่้น้องตระกลูWrightได้คิดค้นประดิษฐ์เครื่องบิน และออกบินทางด้านธุรกิจครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๑๙ ระหว่างเมืองLondonและเมืองParis
แต่เกิดการขนส่งผู้โดยสารครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๒๗ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบินระหว่างเมืองBostonและเมืองNewYork จนกระทั่งในปี ค.ศ. ๑๙๓๕ ได้เริ่มจ้างพนักงานบนเครื่องบินขึ้นการบินเที่ยวบินประจำ : แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ๑) เที่ยวบินประจำภายในประเทศ๒) เที่ยวบินประจำระหว่างประเทศการบินเที่ยวบินไม่ประจำ : เป็นการบินเสริมนอกตาราง สามารถรับ-ส่ง ผู้โดยสารทั่วไปได้ นิยมมากในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวการบินเที่ยวบินเช่าเหมาลำ : เป็นการบินให้บริการแก่องค์กร กลุ่มนักท่องเที่ยว

บทที่ 4 องค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

บทที่ 4 องค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

แหล่งท่องเที่ยว มีคำจำกัดความ 3 คำได้แก่
1.ทรัพยากรทางการท่องเที่ยว หมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม
2.จุดหมายปลายทาง หมายถึงสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง อาจเป็นหลายๆสถานที่ต่อการเดินทางครั้งหนึ่ง
3.สิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว หมายถึงสถานที่ที่มีศักยภาพในการดึงดูดให้คนเข้าไปเยี่ยมชม

สรุปความหมาย คือ สถานที่ที่มีศักยภาพในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปมาท่องเที่ยวหรือประกอบกิจกกรมเพื่อตอบสนองต่อจุดประสงค์ด้านความพึงพอใจ

ประเภทของแหล่งท่องเที่ยวขอบเขต อาจแบ่งได้ 2 ประเภทตามขอบเขตได้แก่
1.จุดมุ่งหมายหลัก สถานที่ที่นักท่องเที่ยวมุ่งตรงไปยังที่ๆนั้น
2.จุดมุ่งหมายรอง สถานที่แวะพักระหว่างเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายหลักความเป็นเจ้าของ เช่นรัฐบาล,องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร,เอกชนความคงทนถาวร แบ่งตามอายุของแหล่งท่องเที่ยว หรือกิจกรรมต่างๆเช่นวันสงกรานต์มีระยะเวลา 12-14เมษายน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้แบ่งแหล่งท่องเที่ยวออกเป็น 3 ประเภทได้แก่
1.แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติทั้งด้านชีวภาพและกายภาพ ไม่มีต้นทุนทางการผลิตแต่มีต้นทุนในการดูแลรักษา
2.แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างและอายุ รวมทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างออกไปเช่นโบราณสถาน ซึ่งแบ่งได้ 7 ประเภทคือ
2.1โบราณสถานสัญลักษณ์แห่งชาติ มีความสำคัญสูงสุด เช่นพระบรมมหาราชวัง
2.2อนุสาวรีย์แห่งชาติ สร้างเพื่อบุคคลหรือเหตุการณ์เรื่องราวที่สำคัญ
2.3อาคารสถาปัตยกรรมแห่งชาติ เช่น พระที่นั่งอนันตสมาคม
2.4ย่านประวัติศาสตร์ คือพื้นที่ที่มีความหนาแน่นทางสถาปัตยกรรม
2.5อุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา สุโขทัย
2.6นครประวัติศาสตร์แห่งชาติ เช่น จังหวัดอยุธยา
2.7ซากโบราณสถานและแหล่งโบราณคดีประวัติศาสตร์แห่งชาติ เช่น เวียงกุมกาม
3.แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และกิจกรรมของผู้คนในท้องถิ่น พัฒนามาจากวัฒนธรรมประเพณี การดำรงชีวิตของผู้คน วัฒนธรรมที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น จึงจะสามารถพัฒนาให้เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวได้

ในประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการจัดให้เป็นมรดกโลก 5 แห่งคือ
1.ทุ่งใหญ่ห้วยขาแข้ง ในปี พ.ศ.2534
2.อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ในปี พ.ศ.2534
3.อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ในปี พ.ศ.2534
4.แหล่งขุดค้นโบราณคดีบ้านเชียง ในปี 2535
5.ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ในปี พ.ศ.2548

คุณลักษณะที่ดีของแหล่งท่องเที่ยวจะต้องประกอบด้วย 3As คือเป็นสถานที่ที่มีความดึงดูดใจ (Attractions) มีสิ่งอำนวยความสะดวก (Amenities) และสามารถเข้าถึงได้ (Accessibilties)

บทที่3 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางท่องเที่ยว

บทที่3 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางท่องเที่ยว

แรงจูงใจ
แรงจูงใจของนักท่องเที่ยว หมายถึง เครือข่ายทั้งหมดที่กำหนดพฤติกรรมการท่องเที่ยว เป็นแนวคิดทางด้านจิตวิทยาและสังคมวิทยา- พลังทางด้านจิตวิทยา คือ ความต้องการทำสิ่งต่างๆ เช่น อยากว่ายน้ำ อยากปีนเขา- พลังทางด้านสังคมวิทยา คือ ความอยากมีหน้ามีตาในสังคม อยากทันสมัย อยากดูมีระดับ
ทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวกับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว

๑. ทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น(Hierarchy Of Needs)ของ Abraham Maslow- Maslow ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความต้องการไม่สิ้นสุด ความต้องการที่เป็นตัวกระตุ้นแบ่งออกเป็น ๕ ขั้น
ขั้นที่ ๑ ความต้องการทางด้านสรีรวิทยา
ขั้นที่ ๒ ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต
ขั้นที่ ๓ ความต้องการทางด้านสังคม
ขั้นที่ ๔ ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียง
ขั้นที่ ๕ ความต้องการทางด้านความสำเร็จของตนเอง ซึ่งเป็นความต้องการสูงสุดแต่ไม่ทุกคนที่จะทำสำเร็จ
๒. ทฤษฎีขั้นบันไดแห่งการเดินทาง(Travel Career Ladder)ของLundberg- Lundberg ได้กล่าวว่า
การท่องเที่ยวเกิดจากความต้องการขั้นสูงสุดเพื่อตอบสนอง
♦ ความต้องการพัฒนาศักยภาพของตนเอง
♦ ความต้องการพัฒนาบุคลิกภาพ
♦ ความต้องการทำสิ่งที่้ท้าทาย
♦ ความต้องการเห็นสิ่งที่แปลกใหม่

แรงจูงใจวาระซ้อนเร้น (Hidden Agenda)ของCromptonมี ๗ ปนระเภท ดังต่อไปนี้
๑. การหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมที่จำเจ
๒. การสำรวจและการประเมิตนเอง
๓. การพักผ่อน
๔. ความต้องการเกียรติภูมิ
๕. ความต้องการที่จะถอยกลับไปสู่สภาพดั้งเดิม
๖. การกระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
๗. การเสริมสร้างการสังสรรค์ทางสังคม

แรงจูงใจทางการท่องเที่ยวในทัศนะของ Swoarbrokeมี ๖ ประเภท ดังต่อไปนี้
๑. แรงจูงใจทางด้านสรีระ หรือ ทางกายภาพ
๒. แรงจูงใจทางด้านวัฒนธรรม
๓. การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองความรู้สึกบางอย่าง
๔. การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาซึ่งสถานภาพ
๕. แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง
๖. แรงจูงใจส่วนบุคคลแนวโน้มของ

แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวPearce, Morrison และ Rutledge (๑๙๙๘) ได้่นำเสนอแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวไว้ ๑๐ประการ ดังต่อไปนี้
๑. แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่งแวดล้อม
๒. แรงจูงใจที่จะได้พบปะกับคนในท้องถิ่น
๓. แรงจูงใจที่จะ่เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
๔. แรงจูงใจที่เสริมสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว
๕. แรงจูงใจที่จะได้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่สบาย
๖. แรงจูงใจที่ได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
๗. แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี
๘. แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันและความปลอดภัย
๙. แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับและสถานภาพทางสังคม
๑๐. แรงจูงใจที่จะให้รางวัลแก่ตนเอง

โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
๑. ระบบไฟฟ้า
๒. ระบบประปา
๓. ระบบการสื่อสารโทรคมนาคม
๔. ระบบการขนส่ง
๔.๑ ระบบการเดินทางทางอากาศ
๔.๒ ระบบการเดินทางทางบก
๔.๓ ระบบการเดินทางทางน้ำ
๕. ระบบสาธารณสุข

ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค
๑. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์
๑.๑ ลักษณะภูมิประเทศ จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกซึ่งมีได้ ๒ ลักษณะ คือ
๑) การเปลี่ยนแปลงภายในเปลือกโลก เช่น ภูเขา ภูเขาไฟ ที่เกิดจากการดันตัวของ ความร้อนใต้ผิวโลก
๒) การเปลี่ยนแปลงบริเวณผิวโลก เช่น เนินทราย (Sand Dune) ในทะเลทรายเกิดจากลมพัดทรายมากองรวมกันเป็นเนิน
๑.๒ ลักษณะภูมิอากาศ สภาพอากาศที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ จะทำให้เกิดสภาพภูมิประเทศที่สวยงามต่างกัน และดึงดูดนักท่องเทียวต่างถิ่นเข้ามาท่องเที่ยวสถานที่นั้นๆได้มากขึ้น

๒. ปัจจัยทางวัฒนธรรมคือ วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคมและหลักเกณฑ์การดำเนินชีวิต ซึ่งมีการสืบทอดปฏิบัติต่อกันมา อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามเวลา ในแต่ละชาติจะมีวัฒธรรมที่แตกต่างกัน การท่องเที่ยวโดยอาศัยปัจจัยทางวัฒนธรรม จะก่อให้เกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆและเกิดการแลกเปลี่ยน นำไปสู่การเกิดวัฒนธรรมใหม่ๆ ทั้งดีหรือไม่เกิดขึ้น

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่2 ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2

ในสมัยอาณาจักรโรมันการท่องเที่ยวมีทั้งการท่องเที่ยวภายในและภายนอกประเทศ แต่การท่องเที่ยวระหว่างประเทศนั้นเป็นการท่อเที่ยวที่ไร้พรมแดนเพราะไม่มีอาณาเขตแบ่งแยกดินแดนว่าเป็นดินแดนของอังกฤษ หรือซีเรีย อย่างในปัจจุบัน เพราะอาณาจักรโรมันครอบคลุมไปถึงหมด ทุกแห่งใช้เงินตราของโรมัน ท้องทะเลปลอดจากพวกโจรสลัด เพราะมีการลาดตระเวนของทหารโรมัน
การท่องเที่ยวในยุคกลาง
ยุคกลางคือช่วงที่อยู่ระหว่าง คศ.500-1500 หรือเป็นช่วงที่ต่อจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน ก่อนจะเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เรียกอีกอย่างว่า ยุคมืด ถนนถูกปล่อยให้ทรุดโทรมเศรษฐกิจตกต่ำแต่ศาสนจักรโรมันคาทอลิคยังเป็นศูนย์รวมของสังคมและอำนาจการเดินทางมีความลำบากมากขึ้นและอันตรายมากขึ้น
คนชั้นสูงและคนชั้นกลางนิยมเดินทางเพื่อการแสวงบุญ เป็นการเดินทางที่ไกลขึ้นสำหรับผู้ที่เคร่งศาสนา ปัญหาที่นักเดินทางในยุคกลางต้องเผชิญคือ โจรผู้ร้ายที่คอยดักปล้นนักเดินทาง มัคคุเทศน์ในสมัยนั้นจึงต้องทำหน้าที่เป็นผู้นำทาและเป็นผู้ปกป้องนักเดินทางด้วย
การพัฒนาการคมนาคมทางถนนในคริสตศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 19
ช่วงก่อนศควรรษที่ 16 คนที่ต้องการเดินทามีวิธีที่จะทำได้ 3 วิธี คือ การเดินเท้า การขี่ม้า ใช้เสลี่ยงโดยมีคนรับใช้เป็นผู้แบก การเดินทางก็มักจะไม่ปลอดภัยจากพวกโจรผู้ร้ายที่คอยดักปล้นนักเดินทางตามทาง ดังนั้นคนที่เดินทางในสมัยนั้นจึงเป็นพวกชนชั้นปกครองหรือคนในราชสำนัก และพวกคนร่ำรวยที่มีบ้านหลังที่สองในชนบทเท่านั้นที่จะเดินทางเพื่อความสนุกเพลิดเพลินจนล่วงถึงศตวรรษที่18
ศตวรรษที่18 ประมาณ คศ.1815 ถนนในยุโรปมีการพัฒนาดีขึ้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการค้นพบประโยชน์ของยางมะตอย มีการพัฒนารถโดยสารสาธารณะ เรียกว่า Charabanc เป็นครั้งแรกในปี คศ.1832
กำเนิดยุคสถานที่ตากอากาศชายทะเล
การอาบน้ำทะเลเพิ่งจะเริ่มเป็นที่นิยมในอังกฤษตั้งต่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการเป็นต้นมา เมือง Scarborugh เป็นเมือแรกที่คนนิยมไปบบัดโรคด้วยน้ำทะเล และตามมาด้วยเมือง Brighton 2เมืองนี้เริ่มต้นในราวทศวรรษที่ 1730
การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่2
การยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี คศ.1945 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องรูปแบบของการเดินทางครั้งสำคัญ คือ การเดินทางระยะไกลด้วยเครื่องบิน เที่ยวบินแรกเป็นการบินข้ามมหาสมุทรอตลนติคระหว่างนิวยอร์คกับเมืองปอร์ธสมัธ เนื่องจากใช้เวลาการบินนานระยะรกจึงไม่ค่อยนิยม
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการบินได้เกิดขึ้นในปี คศ.1970 มีการเปิดตัวเครื่องบินเจท การจัดทัวร์เหมาได้เริ่มตั้งต่ทศวรรษที่ 1920 โดยการิเริ่มของ Thomas Cook

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่1 ความหมาย ความสำคัญของการท่องเที่ยว

การเดินทางที่จัดเป็นการท่องเที่ยวมีลักษณะดังนี้
1.เป็นการเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นเป็นการชั่วคราว
2.เป็นการเดินทางด้วยความสมัครใจ
3.เป็นการเดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใดๆก็ตามที่มิใช่เพื่อการประกอบอาชีพและการหารายได้

นักท่องเที่ยว(Tourist)
คือผู้มาเยือนชั่วคราว และอาศัย ณ สนถานที่ที่ไปเยี่ยมเยือนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อใช้เวลาว่างหรือเพื่อประกอบธุรกิจ

นักทัศนาจร(Excursionist)
คือผู้มาเยือนชั่วคราวและพักอาศัย ณ สถานที่ที่ไปเยี่ยมเยือน ไม่เกิน 24 ชั่วโมง รวมถึงเดินทางโดยเรือสำราญต่ไม่รวมผู้โดยสารผ่าน

วัตถุประสงค์ของการเดินทาง
1.เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานละพักผ่อน
2.เพื่อธุรกิจ
3.เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ

ประเภทของการท่องเที่ยว
แบ่งออกเป็น 3 วิธีใหญ่ ได้แก่
การแบ่งตามสากล
1.การท่องเที่ยวภายในประเทศ
2.การท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ
3.การท่องเที่ยวนอกประเทศ
การแบ่งตามลักษณะการจัดการเดินทาง
1.การท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือเรียกว่าGroup Inclusive Tour:GITแบ่งออกเป็นอีก 2 ลักษณะคือ กรุ๊ปเหมา และกรุ๊ปจัด กรุ๊ปเหมา คือการท่องเที่ยวของคณะนักท่องเที่ยวซึ่งมีความสัมพันธ์กัน ส่วนกรุ๊ปจัด คือการเดินทางของคณะนักท่องเที่ยวซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ทั้งด้านส่วนตัวและด้านหน้าที่การทำงานต่มีความต้องการที่จะเดินทางร่วมกันไปยังสถานที่เดียวกัน โดยที่นักท่องเที่ยวต่ละคนจะซื้อโปรแกรมนำเที่ยวที่ถูกจัดไว้
2.การท่องเที่ยวแบบอิสระ เรียกว่าForein Individual Tourism:FITนักท่องเที่ยวต้องการความเป็นอิสระ แมกเดินทางตามลำพัง

การแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง
จำเป็นต้องพิจารณาถึงกิจกรรมหลักของการท่องเท่ยวที่เกิดขึ้น ณ สถานที่นั้นๆ เป็นหลัก อาจแบ่งออกได้เป็น
1.การท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินและพักผ่อน
2.การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ
3.การท่องเที่ยวเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ
ก.การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(Ecotourism)
ข.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและกีฬา(Health and Sport Tourism)
ค.การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม(Culture Tourism)
ง.การท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสชาติพันธ์ละวัฒนธรรมพื้นถิ่น(Ethic Tourism)
จ.การท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา(Eduation Tourism)

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงหมายถึง ธุรกิจท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยแรงงานการลงทุน เทคนิควิชาชีพเฉพาะ มีการวางแผน การจัดการองค์กร และการตลาด เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ ต่ตกต่างกันตรงที่ สินค้าในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นสินค้าที่เรียกว่า สินค้าที่จับต้องไม่ได้ (Intangible goods) และไม่มีการเคลื่อนที่ไปหาผู้ซื้อ แต่ผู้ซื้อหรือนักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปซื้อสินค้าหรือบริการ ณ แหล่งผลิต

ความสำคัญของการท่องเที่ยว
ทางด้านเศรษฐกิจ
1.สร้างรายได้เป็นเงินตราเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เป็นต้นมา
2.การท่องเที่ยวก่อให้เกิดการหมุนเวียนและกระจายได้ไปสู่ท้องถิ่น
3.การท่องเที่ยวก่อให้เกิดการนำเอาทรัพยากรมาใช้อย่างคุ้มค่า ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดในรูปแบบต่างๆ
4.การท่องเที่ยวช่วยลดปัญหาการว่างงานและ อพยพเข้ามาในเมืองหลวงของประชากรจากชนบท

ทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
1.การท่องเที่ยวมีส่วนส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์อันดีของมวลชน
2.การท่องเที่ยวมีส่วนในการพัฒนา
3.การท่องเที่ยวมีส่วนในการลดปัญหาสังคม
4.การท่องเที่ยวมีส่วนในการช่วยฟื้นฟู
5.การท่องเที่ยวมีส่วนช่วยให้คนในสังคมรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

ทางด้านการเมือง
1.การท่องเที่ยวช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
2.การท่องเที่ยวช่วยส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยและภาพลักษณที่ดีให้เกิดมีแก่ประเทศ

พระตำหนักคำหยาด


ตัวอาคารของพระตำหนักตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนาก่อด้วยอิฐถือปูน สภาพปัจจุบันนมีเพียงฝาผนัง 4 ด้าน แต่ยังคงเห็นเค้าความสวยงามด้านศิลปกรรม เช่น ลวดลายประดับซุ้มจรนำหน้าต่างในคราวที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า เมื่อ พ.ศ.2451 ได้เสด็จมายังโบราณสถานแห่งนี้และมีพระราชหัตถเลขาอรรถาธิบายได้ว่้า เดิมทีทรงมีพระราชดำริว่า ขุนหลวงหาวัด (เจ้าฟ้่าอุทุมพร กรมขุนพรพินิต) ทรงผนวชที่วัดโพธิ์ทองแล้วสร้างพระตำหนักแห่งนี้ขึ้นเพื่อจำพรรษา เนื่องจากมีชัยภูมิที่เหมาะสม ครั้นได้ทอดพระเนตรเห็นตัวพระตำหนักสร้างด้วยความประณีตสวยงามแล้วพระราชดำริเดิมก็เปลี่ยนไปด้วยทรงเห็นว่าไม่น่าที่ขุนหลวงหาวัดจะทรงมีความคิดใหญ่โตสร้างที่ประทับชั่วคราวหรือที่มั่นในการต่อสู้ให้ดูสวยงามเช่นนี้ ดังนั้นจึงทรงสันนิฐานว่า พระตำหนักนี้คงจะสร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศเพื่อเป็นที่ประทับแรม เนื่องจากมีพระราชนิยมเสด็จประพาสเมืองแถบนี้อยู่เนืองๆ เช่นเดียวกับที่พระเจ้าปราสาททองทรงสร้างที่ประทัยบไว้ที่บางปะอิน ขณะที่ขุนหลวงหาวัดผนวชอยู่ที่วัดราชประดิษฐ์ ได้ทรงนำข้าราชบริพารกับพระภิกษุที่จงรักภักดีต่อพระองค์ ออกจากพระนครศรีอยุธยามาจำพรรษาที่วัดโพธิ์ทองและประทับอยู่ที่พระตำหนักคำหยาดนี้ เพื่อไปสมทบกับชาวบ้านบางระจัน ปัจจุบันนี้กรมศิลปากรได้บูรณะและขึ้นทะเบียนพระตำหนักคำหยาดเป็นโบราณสถานไว้แล้ว